"ผมไม่ใช่โรคจิตนะพี่ ถึงจะได้ทำร้ายผู้หญิงอยู่บ่อยๆ...!?" เป็นคำพูดจากปากของอดีตนักแสดงวัยรุ่นอนาคตไกล เก่ง เมธัส สวนศรี ซึ่งจนถึงวันนี้เป็นเรื่องยากเหลือเกินที่เส้นทางที่ว่าจะกลับคืนมาอีกครั้ง ด้วยเหตุผลจากข่าวต่างๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับ "ผู้หญิง" ทั้งยังต้องเดินขึ้นศาล - โรงพัก ที่แทบจะส่งผลให้เขากลายเป็น "ตัวอันตราย" สำหรับสตรีเพศไปแล้วในความรู้สึกของใครหลายคน
"ครอบครัวเข้าใจนะพี่ คุณพ่อ คุณย่าเข้าใจทุกคน เรื่องเสียใจมันไม่รู้จะเสียใจอย่างไรแล้วไงพี่ เครียดน่ะพี่ กะว่าเสร็จเรื่องเสร็จอะไรจะไปบวชเสียหน่อย ไปบวชน่ะครับบวชให้แม่ด้วย มันหลายเรื่องเหลือเกินอยากบวชให้แม่ด้วย เพราะแม่เสียไปนานแล้ว เรื่องไม่น่าเป็นเรื่องมันก็เป็นเรื่องน่ะพี่"...เจ้าตัวเปิดอกบอกเล่าถึงความรู้สึกของตนเอง
"ตอนนี้สภาพจิตใจ ผมย่ำแย่ครับพี่ เจอแต่เรื่องไม่ดีน่ะครับ คือเสียใจนะครับ อยากจะพูดอะไรบ้างเหมือนกันแหละ ซวยครับ ช่วงนี้ 25 แล้วเบญจเพส ช่วงนี้ไม่ได้ทำอะไรเลยครับ เพลงก็โดนแบน เรียนด้วย เพลงไม่ได้ออกแล้วเพราะว่ามีเรื่องใช่มั้ยครับ ก็ทำกับค่ายใหญ่ค่ายหนึ่งนี่แหละครับ แบนงานไปเลยครับ ก็ถ้าเสร็จภาระอะไรทั้งหมดถึงจะได้ทำใหม่"
"อย่างเรื่องข่าวเกี่ยวกับสาวๆ ทุกคนมีแฟนไงครับ แต่แฟนไม่ได้ชื่อเมธัสก็เลยไม่เป็นข่าว คนมีแฟนมีเรื่องทะเลาะกันบ้างเป็นธรรมดา หลายคนมองว่าถ้ามาคบผมอย่าพลาดนะ ถ้าพลาดเราพร้อมจะเหยียบผู้หญิง ผมรู้สึกว่าคนมีภาพสีดำแบบนี้แหละพี่ มันก็จะแบบว่ามีคนจับผิด ผมก็เดือดร้อนตลอด"
ออกอาการน้อยใจทีทำเรื่องดีๆ ทำไมไม่มีใครสนใจจะมาทำข่าว
"อย่างผมทำข่าวดีๆ ทำอะไรก็ไม่มีใครมาทำข่าวหรอกครับ ผมช่วยเหลือสังคม ไปเตะบอลการกุศล แถวบ้านผมน้ำท่วมครับ ผมอยู่ผมไม่เห็นมีนักข่าวมาทำข่าวเลยว่าผมขุดท่อทำอะไรแบบนี้น่ะ แต่พอขึ้นโรงพักมากันเต็มเลย แต่อันนี้ผมเข้าใจนะ แต่มันก็น้อยใจนะ น้อยใจมากครับพี่ ผมเลี้ยงหมาเยอะแยะ เก็บหมาข้างถนนมาเลี้ยง ขาขาด ตาบอด ผมเก็บมาเลี้ยงทำไมไม่ทำข่าวผมบ้าง เวลาผมทำความดีน่ะ ผมก็พอมีดีบ้างล่ะน่ะ ไม่ได้เป็นคนเลวขนาดนั้น"
ก่อนพูดถึงเรื่องคดีความที่เป็นอยู่ โดยเจ้าตัวยืนยันว่าไม่ได้มีเยอะอย่างที่ใครหลายคนเข้าใจ พร้อมกับยืนยันกรณีข้อวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับคดีที่ตนเองหลุดรอดมาได้ว่าไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของเส้นสายแต่อย่างใด..."ที่จริงคดีไม่ได้เยอะอะไรเลยนะ บางทีข่าวก็ขุดคุ้ยกันมา จริงๆ หลักๆ มีแค่คดีน้องจิ๊บ (คีตภัทร อัลติมานนท์) แล้วก็ทะเลาะวิวาทกับใครนี่แหละ เรื่องอื่นยังไม่ได้เป็นคดี แต่พอขึ้นโรงพักก็เป็นเรื่องเลยทีนี้"
"ผมไม่ได้ภูมิใจนะครับ ผมเสียใจนะที่ผมมีข่าวแบบนี้ พี่เข้าใจผมมั้ยครับ มีอะไรอีกหลายอย่างที่ผมอยากระบาย แต่มันพูดไม่ได้เพราะมันจะไปกระทบใคร เขาก็คิดว่าผมมีอิทธิพล ที่จริงไม่ใช่นะ เขาก็ทำไปตามกระบวนการยุติธรรมถูกต้องแล้ว เพราะว่าเรื่องทุกเรื่อง ผมผิดไม่ผิดหนังสือพิมพ์ก็พาดหัวอยู่แล้วว่าผมผิด ต้องบอกว่าขาข้างหนึ่งมั้งที่เข้าคุกไปแล้ว...(เสียงสลด) ขอขาข้างหนึ่งไว้กับผมบ้าง คนไม่พร้อมเชื่อผมอยู่แล้ว ความผิดมันเหมือนทำแล้วทำอีกไงครับ ตัวผมเองผมไม่ได้อยากทำแบบนั้นนะ ผมก็คนนะพี่ ผมไม่ได้โรคจิตไปตบตีผู้หญิง แต่พอข่าวลงบางเรื่องมันแค่เรื่องเข้าใจผิดกัน"
"ผมว่าทุกคนรู้อยู่แก่ใจนะว่าทำอะไรไปล่ะน่ะ ผมไม่ได้ว่าสื่อนะ เขาก็รายงานตามข้อเท็จจริง ตำรวจบอกแบบนั้น เขาจะไปลงอีกอย่างมันก็ไม่ใช่ แต่ตำรวจเขาก็ต้องรู้ด้วยว่า ผมผิดหรือเปล่า ผมผิดแค่ 1 เขาเขียนไป 100 รู้ได้อย่างไรว่าผมผิด แต่ไม่อยากออกมาแก้ข่าวอะไร รอมาแถลงข่าวตอนมันเสร็จเรื่องทีเดียวไปเลย ได้จบเสียที"
ส่วนคดีที่ไม่ได้ผิดนั้นเก่งบอกไม่เคยคิดฟ้องกลับเพื่อกู้ชื่อเสียงแต่อย่างไร เพราะเชื่อว่าชื่อเสียงของตนนั้นมันกู่ไม่กลับมานานแล้ว
"คือไงดีล่ะพี่ ถามว่าผมอยากไปฟ้องกลับเขามั้ย ไม่นะ เพราะผมคิดว่าใครที่เขามองภาพผมลบๆน่ะ เขามองภายนอก เขาไม่ได้รู้จักเราเป็นการส่วนตัว พูดไปก็เท่านั้น ให้มันจบแบบที่เขาคิดนั่นแหละ ผมว่ามันอยู่ที่สื่อมากกว่าว่าจะให้ผมไปในทางไหน ส่วนใหญ่ผมไปไม่รอดเพราะสื่อไม่เข้าข้างผมมากกว่า จริงๆนะ ผมเลยไม่แก้ ข่าว ไม่กู้อะไรไงครับ แต่ถ้าผมพร้อม ผมถึงจะออกมาพูดตรงนี้ ผมขอเวลาหน่อย"
ชายหนุ่มวัยเบญเพสที่ถูกมองว่าชอบทำร้ายผู้หญิงบอกต่อไปว่า ตนยอมรับว่าเป็นคนเกเรทว่าก็คงจะเหมือนกับผู้ชายโดยส่วนใหญ่ เพียงแต่พอรับรู้ว่าตนชื่อ "เมธัส" ทุกคนย่อมจะมองด้วยสายตาและมีความรู้สึกที่ไม่ดีมากกว่าคนอื่นขึ้นมาทันที
"เรื่องเกเรผู้ชายทุกคนมีความเกเรอยู่แล้วพี่ มันมากน้อยแค่ไหน คนเกเรกว่าผมก็มีนะ แต่ตอนนี้ประเด็นมันอยู่ที่ว่าต่อให้ผมเกเรหรือไม่เกเร ผมก็ผิดอยู่ดีน่ะพี่ เพราะผมเป็นเมธัสไง ผมเดินไปไหนไปมองหน้าใครเขา เขามาต่อยผม ผมโมโหต่อยกลับผมก็ผิดอยู่แล้ว เพราะว่าผมเป็นเมธัส คือตอนนี้ผมอยากให้สื่อเป็นกลางกับผม"
"ไม่ได้อยากแถลงข่าวหรืออะไรมากมาย ไม่อยากไปออกรายการ มีนักข่าวโทรมาหาเยอะเหมือนกัน แต่ออกมาพูดอะไรตอนนี้มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะพี่ เหมือนกับว่าเราเคยทำผิด สังคมมันก็มองว่า เฮ้ย..ไอ้นี่มันผิดแน่เลย เราแก้ตัวเลยกลายเหมือนเราสร้างภาพ ผมก็เลยคิดว่าผมก็อยู่ของผมแบบนี้ดีกว่า อยู่กับครอบครัว ผมอยากดูแลน้อง ช่วยเหลือสังคมมั่ง ผมไม่ได้เอาเวลาไปกินเหล้าไปเกเรอะไรแบบนั้นน่ะ ผมไม่ได้เละเทะ เกเร ไปทะเลาะกับผู้หญิงไปตบตีผู้หญิงโดยไม่มีสาเหตุผมก็ไม่ทำอยู่แล้ว"
"ผมเคยมีเรื่องแบบนี้กับน้องจิ๊บมาแล้ว คนก็มองว่าผมต้องเคยทำแบบนี้แน่เลย แต่คือเขาไม่รู้ไงพี่ จริงๆ แล้วผมกับคนคนนั้นคบกันหรือเปล่า อย่างที่ว่าผมแบล็กเมล์ถ่ายรูปผู้หญิง แล้วความรู้สึกพี่ ใจพี่น่ะจะคิดอย่างไร ข่าวลงขนาดนั้นเลยนะ"
เจอความซวยมาหลากหลายรูปแบบ อย่างเดียวที่ยังไม่ได้รับก็คือ ตาย!
"ใครเจออย่างผมก็หลอนนะพี่ เพื่อนในวงการบางทีเจอกันนะ เขาอยากบอกเลยว่าในบรรดาความซวยทั้งหลายที่คนอื่นได้รับเนี่ย ไม่เท่าผมได้หรอก ผมซวยสุดแล้ว ไม่ซวยอย่างเดียวเท่านั้นเองคือ ผมไม่ตายเท่านั้นเองพี่ ไม่มีใครเท่าผมแล้วล่ะ โอ๊ย..ไม่อยากจะพูด แต่มันมีเหตุนะที่ผมโดนทำแบบนี้ แต่ผมพูดไม่ได้นะพี่ พูดไม่ได้จริงๆ รอให้ผมที่สุดก่อน ผมถึงพูด พูดไปก็ไม่ดี"
"กับแฟนผมเนี่ย มันคือการเข้าใจผิดกันกับแฟนผม นักข่าวก็ถามมาเลยว่า มีข่มขืนมั้ย?... โธ่!! แล้วถ้าข่มขืนจะเป็นแฟนกันได้อย่างไร ล่ะครับ ผมก็งงว่าถามทำไม ผมเข้าใจนะว่าสื่อก็พยายามขายข่าวได้ เมธัสไม่ผิดใครเขาจะซื้ออ่าน ผมก็รู้การทำงานของสื่อนะครับ สื่อมีผลกับตัวผมมาก เพราะในสังคมประเทศไทยก็เชื่อสื่ออยู่แล้ว เชื่อมาก จริงไม่จริงก็อ่านกันไปแล้ว บางคนในวงการบันเทิงเขาก็ไปแก้ข่าว บางคนมองว่าผมทำผิดน่ะซิ ถึงไม่แก้ข่าว ที่ผมไม่แก้เพราะผมก็มีเหตุผลความจำเป็นที่ผมพูดไม่ได้ มันเป็นแบบนี้แหละพี่"
แม้จะถูกมองว่าเป็นหนุ่มอันตรายต่อเพศหญิง ทว่าสำหรับเขาแล้ว เมธัสยืนยันว่าตนเองเป็นคนที่ถือว่าให้เกียรติกับผู้หญิงพอสมควรทีเดียว..."ผมให้เกียรติผู้หญิงพอสมควรนะพี่ ก็คือผมคบใครผมก็รักนะครับ แต่ไม่รู้ว่าเขาน่ะรักผมหรือเปล่า ถ้าเขารักผมเขาก็ไม่ทำแบบนี้ ผมคิดแบบนี้นะ อย่างเรื่องทำร้ายร่างกายน่ะ ผมพูดตรงๆ นะว่าบางทีผมไม่ได้ทำ แต่ไปบอกว่าผมไม่ได้ทำก็ไม่มีใครเชื่อหรอกครับว่าผมไม่ได้ทำ ครั้งแรกเคยทำ หนที่สองไม่เคยทำ เขาก็ไปแจ้งว่าผมทำ ก็เป็นแบบนี้ หาวิธีให้ผมได้รับบทลงโทษจะได้มีปัญหาเยอะๆ ตัวผมเองไมได้ยุ่งกับใคร อยู่ของผมเฉยๆ ผมพูดลำบากนะ"
สาวๆ กลัวเรามั้ย?
"ก็มีนะที่กลัว สมมติว่าตอนนี้คบกับผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง แล้วอีกคนหนึ่งก็แฟนเหมือนกัน ต่างคนต่างรู้ ไม่มีใครยอมใคร ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอะไรกันไปข้างหนึ่ง มันมีแต่แนวแบบนี้นี่ครับ เรื่องเจ้าชู้ผมยอมรับครับ แต่เรื่องอื่นเนี่ย มันไม่มีอะไรนะพี่ ผมชอบก็จีบหลายคน มันเรื่องปกติ แต่ถ้าจะคบมันก็เลือกขึ้นมาหน่อย แต่ผมชอบผมก็จีบนะ แต่ส่วนใหญ่คนเรามันก็ชอบเอาชนะกัน ผู้หญิงบางทีก็มีอารมณ์แบบนี้นะผมว่า รักคนนั้นมากไม่ได้ต้องรักคนนี้ด้วย อะไรทำนองนี้"
ช่วงท้ายของการสนทนา เก่งบอกว่า แม้จะน้อยใจกับมุมมองที่คนรอบข้างมอบให้ แต่ตนก็อยากจะกลับเข้าวงการอีกครั้ง
"น้อยใจนะพี่ ถ้าวันหนึ่งผมพร้อมผมอยากแถลงนะ อยากชี้แจง แต่ผมรอซักพักหนึ่ง ตอนนี้ผมยังไม่มีงานในวงการบันเทิงเลย อยากให้เงียบๆ เหมือนกัน รอให้อะไรมันซาๆ หน่อย ผมไม่ได้ออกไปยุ่งกับใคร ทำก็ทำร้านเหล้ากับเพื่อนครับผม แถวปิ่นเกล้าก็มี มีหลายที่นะ ก็เลี้ยงตัวเองไป ทำอะไรเพื่อสังคมบ้างแค่นั้นแหละ ที่ทำได้ตอนนี้"
"ตอนนี้ก็ยังมีผู้จัดจะทำทั้งเพลง ทั้งอะไรให้ผมอยู่ เพราะอย่างงานเพลงก็ขายความสามารถใช่มั้ยครับ ไม่ได้ขายด้วยชื่อเสียง ก็มีติดต่อมา แต่ผมไม่พร้อมกลับไปครับ สภาพจิตใจผมด้วยที่ยังแย่อยู่"
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9490000135875 ใครจะเชื่อมึง ไอ้สัตว์นรก
เธเนเธฒเธ 
Sun Dec 24, 2006 6:40 am
